
เรามักจะถูกสั่งสอนมาว่าการเรียนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในชีวิตปัจจุบันนั้นเราจะสังเกตได้ว่า..คนที่เรียนจบสูงบางคนก็ว่างงานไม่มีงานทำ ต่างจากคนที่คนมีประสบการณ์ทางด้านการทำงาน มีความรู้ความสามารถการปฏิบัติ ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงและ มีความก้าวหน้าทางด้านการงานมากกว่า
“ประเด็นแรก ของเรื่องนี้คือ เรื่องการเรียน”
ปัจจุบันการศึกษาเล่าเรียนเป็นเรื่องของผู้เรียนเพียงคนเดียว จะเรียนดีเรียนแ ย่ ก็อยู่ที่คนเรียนเองทั้งนั้นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือญาติพี่น้องทั้งหลาย ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ สถาบัน
การศึกษาที่เรียนจบมาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ แล้วอยู่ที่ฝีมือตัวเองล้วน ๆเมื่อผลการเรียนออกมามีแนวโน้มว่าสามารถทำงานได้เก่งนะ เพราะกว่าจะจบมันต้องฝึกฝนกันมากมาย
และอย่างไรก็ตาม การฝึกฝนในระหว่างการที่ศึกษาอยู่นั้น มันฝึกฝนและเรียนรู้จากกรอบการศึกษา เมื่อทำผิดก็ทำใหม่ แก้ไขใหม่ จนกว่าจะดีขึ้นนั่นเป็นหลักการง่ายๆ ของการศึกษา ที่เชื่อว่า ทุกคนที่ได้ศึกษาในรั้วมหาวิท ย าลัย หรือในรั้วโรงเรียนก็เคยผ่านกันมาทุกคน
และอยากให้ลองสังเกตดี ๆ ว่า ในช่วงที่เราศึกษาอยู่ เมื่อไหร่ที่คิดผิด ทำผิด เราจะถูกทำโท ษ ด้วยการ ทำให้เห็นจาก “เกรด” หรือ “ผลการศึกษา”
ถ้าเรียนไม่ดีก็อาจติด F ในที่นี้คือการลงทะเบียนใหม่กับเด็กรุ่นน้องๆ บางคนก็อับอายที่จะต้องเป็นพี่แล้วไปเรียนกับรุ่นน้องใครจะรู้ว่าชีวิตในวัยเรียนนั้นมีเรื่อง เ ค รี ย ดมากมาย ป ว ดหัวเพียงไม่กี่เรื่อง นอกนั้นเป็นเรื่องสนุกสนาน
บางคนที่จบมาแล้วยังอยากกลับเรียนใหม่เลย เพราะเมื่ออยู่ในรั้วมหาวิท ย าลัยนั้นได้เจอเพื่อนๆ ได้อยู่กับเพื่อนๆถึงเวลาเรียนก็ไป ถึงเวลาเลิกก็ไปกับเพื่อนแต่เมื่อผลการศึกษาออกมาและเมื่อเราสำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องจบจากการศึกษาเพื่อมาทำงานทำการ ซึ่งผลการศึกษาที่ผ่านมานั้นจะเป็นตัวพิสูจน์ต่อไปในช่วงชีวิตวัยทำงาน
“ประเด็นที่สอง เลย คือ เรื่องการทำงาน”
เขาบอกกันมาว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของการทำงาน การทำงานของทุกคนสามารถวัดได้ง่ายๆ โดยการวัดจากผลของงานที่ทำ ว่างานนั้นเกิดคุณค่าหรือประโยชน์แก่คนร่วมงาน มากน้อยแค่ไหน นั่นแหล ะ
คือ คุณภาพของงานเมื่อพูดแบบนี้แล้วเราจะสังเกตได้ง่ายเลยว่าตอนเราเรียนไม่มีผลการวัดแบบนี้เลย การศึกษาที่ผ่านมานั้นเป็นการเรียนรู้อะไร ที่ทำไม่ได้ สอบไม่ผ่านก็ทำใหม่ แต่จริงๆแล้วการทำงานนั้นไม่เหมือนแบบเรียนเลย
เมื่อเราทำงานที่ได้รับมอบหมายมานั้นถ้าเกิดความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็น การเสียเวลาเสียเงิน เสียใจ หัวหน้างานตำหนิ เพื่อนร่วมงานไม่มีความเชื่อถือ ทั้งหมดที่พูดมานี้คือ “ความจริง”
คือ โลกความเป็นจริงที่เ จ็ บป ว ดแต่ในทางกลับกันมันก็อาจจะเป็นโลกที่มีความสุข เพราะเมื่อไหร่ที่เราทำงานสำเร็จ คุณก็จะมีคุณค่าต่อผู้อื่นในวงกว้าง
ถ้าสังเกตดีๆ ก็เหมือนกับชีวิตในวัยเรียนคือช่วงของโลกจินตนาการแต่ “ชีวิตในการทำงานมันเป็นโลกแห่งความจริง”มีคนเคยบอกว่าการที่เราประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นเพราะ เราไม่หยุดการเรียนรู้ เพราะเมื่อไหร่
ที่ออกมาจากรั้วมหาลัยแล้ว ไม่มีคุณครูคอยบอกคอยสอนจะเป็นตัวเราที่จะได้ศึกษาจริง ๆ จังจะต้องเรียนรู้ทุกอย่างเพราะนั่นมันคือผลได้ผลเสียของเรา ในทุกๆครั้ง ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม
จริง ๆ แล้วการศึกษาไม่ได้อยู่เพียงแค่ในรั้วมหาวิท ย าลัยเพียงอย่างเดียว เราจำเป็น ต้องศึกษาในทุกๆเรื่องศึกษาที่จะล้ มเห ล วและปรับแก้ไขให้มันดีขึ้น ไม่ให้มันผิ ดแล้วผิ ด อีกจนหาคุณภาพไม่ได้
ชีวิตของเรายังดำเนินต่อไปไม่ใช่แค่อยู่ในรั้วมหาลัยจะต้องเรียนรู้ชีวิตการทำงานเราก็ต้องเรียนรู้จะพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปสู่จุดที่สูงที่สุด แต่ไม่ใช่จุดที่เราต้องเ ห ยี ย บย่ำคนอื่น
นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกว่า “การเรียนสูงนั้นไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งหมดในชีวิต”แต่สิ่งสำคัญว่าคุณนั้นมีประสบการณ์ หรือ รู้จักเรียนรู้ในการใช้ชีวิตให้เป็นมากกว่าเสี ยอีก
การที่เรานั้นจะสำเร็จได้เราต้องรู้จักเรียนรู้ในการใช้ชีวิตในการทำอะไรต่าง ๆ การเรียนไม่ได้หยุดแค่ ที่การจบแล้วได้ใบปริญญามาแต่เราต้องศึกษาสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต นั่นก็ คือ “ชีวิตจริงของเรา”
ที่มา : p o s t s a r a.