
ฉันเพิ่งเข้าใจ หลายปีมานี้…
– ฉันเริ่มรู้สึกกลัว เพราะยิ่งฉันอายุมากขึ้น ญาติๆ ก็จากไปทีละคนสองคน สิ่งนี้บอกกับฉันว่า “ชีวิตเป็นอนิจจัง”
– ฉันเริ่มคิดได้ ฉันปล่อยให้สิ่งที่ต่างๆ เป็นไปตามปัจจัย ได้มาก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
– การดำเนินชีวิตบอกกับฉันว่า “จิตให้ ร้ า ย ผู้อื่นไม่ควรมี จิตปกป้องตนเองไม่ควรหายไป”
– นอกเสียจากคนในครอบครัว อย่าไว้ใจคนอื่นให้มากนัก
– ฉันรู้แล้วว่า ฉันควรดีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนที่ดีต่อฉัน
– ฉันเข้าใจแล้วว่า วันเวลาอาจไม่ช่วยให้เราผูกพันกับใคร แต่มันช่วยให้เราเข้าใจใครๆ มากยิ่งขึ้น
– ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า นอกจากพ่อและแม่ ก็ไม่เห็นมีใครที่จะให้อภัยฉันได้ เหมือนท่านทั้งสองคน
– ความทุกข์ที่ฉันพานพบ ทำให้ฉันแกร่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งนานฉันยิ่งเหมือนต้นกระบองเพชร
โยนลงไปที่ไหนก็มีชีวิตได้ทุกที่ ความทุกข์สอนให้ฉันรู้จักเอาชีวิตรอด
– ฉันยกระดับจิตได้มากยิ่งขึ้น ต่อเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่ถูกตาถูกใจ ฉันสามารถเห็น แต่ไม่ใส่ใจได้อย่างสบายๆ
– โลกใบนี้บอกกับฉันว่า ต่อให้ฉันผอม หุ่นดี ทุกอย่างดีพร้อม คนที่ไม่ชอบฉันก็ไม่มีทางรักฉันอยู่ดี
– ต่อให้ฉันอ้วน น่า เ ก ลี ย ด ไม่มี ดีสักอย่าง คนที่ชอบฉันเขาก็ไม่มีทางทิ้งฉันอยู่ดี
– ใช่ว่าทุกคนจะยินดี ยืนหยัดสู้เคียงข้างฉันเสมอไป
– เมื่อไม่คิดอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมี ชีวิตของฉันก็เป็นสุขมากยิ่งขึ้นในทันที
– เมื่อชะตาลิขิตมาย่อมมี หากไม่ได้ลิขิตมา ยื้อไว้อย่างไรก็ไม่มีทางรักษาเอาไว้ได้
(ทั้งเรื่องคน เรื่องหน้าที่การงาน หรือทรัพย์สินเงินทอง)
ดังนั้น ฉันจึงบอกกับตัวเองว่า เรื่องที่ถูก ต้องยืนหยัด เรื่องที่ผิด ต้องเลิกทำ
วันวานไม่อาจหวนกลับ จงปล่อยมันไป วันนี้เป็นของเรา
จงทำให้ดีที่สุด วันพรุ่งนี้มีไว้เพื่อแก้ไข จงรู้จักรักษาโอกาสให้ดี
ที่มา : G a n g b e a u t y