Home ข้อคิด 6 วิธีฝึกให้อภัยไว้ ทำได้แบบนี้ จิตใจเป็นสุข

6 วิธีฝึกให้อภัยไว้ ทำได้แบบนี้ จิตใจเป็นสุข

‘การให้ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดคือการให้อภัย’ หลายคนเคยได้ยินประโยคนี้ คุณเห็นด้วยไหมคะ? เราว่ามันก็เป็นเรื่องจริงอยู่นะ เพราะการให้อภัยจะส่งผลดีต่อจิตใจเราเอง และความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างด้วย แต่ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าการให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางคนอาจใช้เวลาเป็นสิบ ๆ ปี

เพื่อกล้าให้อภัยใครสักคน ไม่แปลกหรอกค่ะ ไม่มีคำว่านานไปหรือเร็วไปสำหรับเรื่องแบบนี้ แต่ละคนก็ใช้เวลาเยียวย าหัวใจต่างกันไป เพราะฉะนั้นก่อนเริ่มให้อภัยใครสักคน

เราต้องบอกตัวเองเสมอว่า เราจำเป็นต้องก้าวข้ามความโกรธ เ ก ลี ย ด เคียดแค้นในใจให้ได้เสียก่อน แม้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นจะย ากลำบากแค่ไหนก็ตาม

จงจำไว้ว่าการให้อภัยไม่ใช่เป็นเรื่องแพ้ชนะ แต่เป็นการปลดปล่อยบ่วงที่ติดค้างในใจออกไป เพื่อ สุ ข ภ า พ จิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าต่างหาก สิ่งดี ๆ

ที่จะเกิดขึ้นหลังการให้อภัยคือ ทำให้เครียดน้อยลง ลดความกังวล หลัก ๆ มาจากการที่เราทิ้งอารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ, โมโห, เจ้าคิดเจ้าแค้นออกไป ทำให้จิตใจเราทุกข์น้อยลงไปด้วย

เผลอ ๆ จะมีความสุขมากขึ้นด้วยซ้ำค่ะ หากวันนี้คุณอย ากให้อภัยคนอื่น แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่ างไร ‘ห้องแนะแนว’ มีวิธีคิดและฝึกฝนมาฝากกันเบื้องต้นค่ะ ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

1.“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ”

ทุกคนคือมนุษย์ และมนุษย์ทุกคนล้วนเคยผิดพล าด แม้แต่เราเองก็ตามไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครไม่เคยทำผิด อย่ าคาดหวังความเพอร์เฟ็กต์จากคนอื่นเพราะตัวเราเองยังทำไม่ได้ ความล้มเหลว ผิดแผน ไม่ได้ดั่งใจคือสิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้งในชีวิต เพราะฉะนั้น

หากเราจะโกรธใคร เ ก ลี ย ด ใคร เพียงเพราะเขาทำไม่ถูกใจเรา ก็คงไม่ยุติธรรมนัก เราจึงจำเป็นต้องบอกตัวเองว่าทุกคนมีโอกาสพลาดพลั้งกันได้ แต่จะรับผิดชอบต่อความผิดพลั้งนั้นอย่ างไรมากกว่า ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ถึงจะเริ่มต้นให้อภัยคนอื่น ๆ ได้ในขั้นตอนต่อไป

2.“เอาใจเขามาใส่ใจเรา”

ลองคิดในมุมกลับกันดูว่า ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากเราเป็นเขา เราจะทำอย่ างไร ลองถามตัวเองดูว่า ‘ทำไม’ เขาถึงเลือกทำแบบนั้น มี ‘เหตุผล’ อะไรที่ตัดสินใจแบบนี้

บางทีเราอาจจะทำแบบเดียวกับที่เขาทำก็ได้นะ การคิดกลับกันแบบนี้จะช่วยให้เกิดแง่มุมใหม่ ๆ หรือทำให้เราเข้าใจในจุดที่เขายืนอยู่มากยิ่งขึ้นก็ได้

เพราะความเข้าใจผิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากความคิดของเราเพียงฝ่ายเดียวโดยที่ยังไม่ไถ่ถามจากอีกฝ่าย เพราฉะนั้นความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นคือกุญแจสำคัญอย่ างยิ่งในเรื่องการให้อภัย

3.“การให้อภัยเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล”

บางคน ‘ให้อภัยแต่ไม่ลืม’ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่ างใด การที่เราให้อภัยเขาแปลว่า เราไม่คิดโกรธเคืองเขาเรื่องในอดีตแล้ว แต่ที่ยังต้องจดจำเพราะเป็นบทเรียนให้ตัวเองในอนาคต ว่าจะต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำซ้อนอีก หรือหากเกิดจะได้รู้ทางหนีทีไล่

และรับมือได้ดียิ่งขึ้น ไม่กลับไปจมทุกข์ซ้ำเดิม หรือบางคนอาจจะให้อภัยแต่ไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกัน ขอห่างกันไปเลยสบายใจกว่า ก็ไม่ผิดอีกนั่นแหละ วิธีการรักษาหัวใจของเราไม่เหมือนกัน

ให้อภัยได้แล้ว แต่หวั่นกลัวที่จะคบค้าสมาคมกันต่อไป ก็ย่อมทำได้ อย่ างน้อยที่สุดโฟกัสที่การให้อภัยซึ่งกันและกันก็เพียงพอแล้ว ทางที่เหลือข้างหน้าก็แล้วแต่โชคชะตาจะกำหนด ใครสะดวกแบบไหนก็ให้อภัยแบบนั้นค่ะ

4.“ทิ้งอดีต มองอนาคต”

การให้อภั ยเปรียบเสมือนการทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต เหมือนเราดึงโซ่ต ร ว นที่คล้องขาเราไว้ออก ทำให้เราเดินสะดวกยิ่งขึ้น ทำให้เราไม่เจ็บอีกต่อไป นั่นแหละค่ะ

หัวใจของการให้อภัยที่แท้จริง คือการละทิ้งอดีตที่เคยทำให้เราทุกข์ จะทำให้ใจเราเองสงบขึ้น ไม่ยึดติดเรื่องเก่า ๆ พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยความโล่งอก และสงบ

5.“หัดมองด้านดี ๆ ของคนอื่นบ้าง”

คล้าย ๆ กับการเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่โฟกัสไปที่เรื่องบวก ๆ ของผู้อื่นแทน เพื่อฝึกให้เรามองรอบด้านและใจกันมากขึ้น ในมุมร้ า ย ๆ ที่เราเจอ อาจไม่ใช่ตัวตนเดียวของเขา

ในสถานการณ์อื่น เขาอาจจะมีด้านบวกให้เห็น เพียงแค่เราต้องเปิดใจที่จะมองและยอมรับ นั่นจะทำให้เราเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเพิ่มขึ้น

6.“หากไม่กล้า ก็ปรึกษาคนรอบข้าง”

หากคุณพย าย ามจะให้อภัยใครสักคน แต่ยังไม่สนิทใจ ลองพูดคุยกับคนที่ไว้ใจรอบตัวดูก่อน เผื่อจะได้ความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากที่เรามอง

การติดอยู่ในความรู้สึกลบอาจทำให้เรามองข้ามเรื่องบางเรื่องไปโดยไม่ตั้งใจ บางครั้ง ‘กาวใจ’ จากคนอื่นก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกันนะคะ การให้อภัยไม่ใช่แค่พูดออกไป

แต่อภัยที่แท้จริงคือมาจากหัวใจที่ปล่อยวาง ชำระล้างจิตใจให้ไม่ผูกติดกับอารมณ์ขุ่นมัว ปลดตัวเองจากความเ จ็ บ ป ว ด แม้ว่าคุณไม่สามารถแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่คุณแก้ไขความรู้สึกนึกคิดของคุณเองได้นะคะ ลองดูสักตั้งค่ะ

ที่มา : today.line.me

Load More Related Articles
Load More By admin01
Load More In ข้อคิด

Check Also

6 วิถีคนเก่งจริง กล้าที่จะเดินเพียงลำพัง

1. เรียนรู้ที่จะเดินเพียงลำพัง นี่สิคือวิถีของคนแกร่ง ห … …