Home ข้อคิด “คาดหวังน้อยลง แล้วความสุขจะเพิ่มขึ้น”

“คาดหวังน้อยลง แล้วความสุขจะเพิ่มขึ้น”

สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่ามัน “มีตัวตน” อยู่จริง ในเวลาที่เรารักใครสักคนก็คือ “ความคาดหวัง” จะคาดหวังมากหรือน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คนคนนั้นต้องการความรักแบบไหน บางคนอย ากได้ความรักที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ

ก็ตั้งความคาดหวังเอาไว้สูง และคอยแอบลุ้นไปพร้อม ๆ กับการ “บงการความรัก” ให้เป็นไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการฉันคิดว่าถ้าเปรียบคนประเภทนี้เป็นเหมือนเด็ก

ก็ต้องเรียกว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจแต่สำหรับบางคนก็อย ากได้ความรักที่เรียบง่าย อย ากอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แม้จะไม่คาดหวังในตัวคนรักสูง เท่ากับเด็กเอาแต่ใจในประเภทแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อย ากได้อะไรจากความรักเลย

คนประเภทนี้ก็เหมือนเด็กดื้อเงียบ ดูเหมือนจะพอใจในของเล่นที่อยู่ในมือ สิ่งที่เด็กประเภทนี้ต้องการก็คือ การมีของเล่นอยู่ในมือตลอดเวลา ลองถ้าวันไหนโดนคนอื่นมา แ ย่ ง ไปสิ

เป็นต้องได้เห็นดีกันแน่ ไม่ว่าใครจะต้องการให้ความรักของตัวเองเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะหมายถึง การควบคุมตัวเองให้ได้ก่อน ไม่ใช่การควบคุมคนอื่นให้เดินตามเส้นทางที่เราเลือกไว้

เพราะต้องไม่ลืมว่า “ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่ างให้กับใครได้” การมีคนรักอยู่ข้าง ๆ กัน เป็นการ “มี” ที่ใคร ๆ ก็ย่อมรู้สึกว่ามันพิเศษและควรหวงแหนกว่าที่คนสองคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบใหญ่

จะเดินทางมาพบกันและคิดฝันตรงกัน มันไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ ฉันเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่ างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ย่อมมีที่มาที่ไปด้วยกันทั้งนั้น

คนรักก็เช่นกัน ก่อนที่เขาจะมาเจอกับเรา เขาอาจใช้ชีวิตอีกรูปแบบที่เราไม่คุ้นเคย เขาอาจชอบกินผัก ในขณะที่เรา เ ก ลี ย ด ผักเข้าไส้ เขาอาจชอบดูหนังผี ในขณะที่เราชอบดูหนังโรแมนติก วันหยุด เ ส า ร ์ อาทิตย์

เขาอาจเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่รักการอยู่บ้าน นอน อ่ า น หนังสือ หรือชอบรดน้ำต้นไม้ แต่พอมาเจอเรา เขาเลือกที่จะคบเรา ก็เป็นอันว่าสิ่งที่ต้องตามมาคือการปรับตัว มันเป็นธรรมชาติของคนที่เพิ่งเจอกันอยู่แล้วว่า ต้องอาศัยเวลาในการศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

และเนื่องมาจากการเรียนรู้นี่แหละ ที่ทำให้ช่วงเวลาแรกที่คบกันมันเต็มไปด้วยความสุข จากที่ไม่เคยทานผัก พอเขาฝึกให้เราหัดทานผักซะบ้าง ก็ไม่รู้ว่าความสุข ณ เวลานั้นมันมาจากไหน จากที่ไม่เคยดูหนังโรแมนติก

เขาก็ยอมพาเราไปดู ความสุขก็โผล่มาอีกแล้วดูเหมือนง่ายนะ แต่มันย ากตรงที่ ทำยังไงจะรักษาความสุขนี้ให้อยู่กับเราได้นาน ๆ พอ ๆ กับที่เราก็อย ากให้ความรักของเราเดินไปให้ไกลเท่าที่มันจะเป็นไปได้ เพราะกับบางคนก็ไม่ทันได้เตรียมรับมือกับ “ความเปลี่ยนแปลง” ที่จะเกิดขึ้น

เมื่อผ่านช่วงเวลาของการปรับตัวเข้าหากัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกติดอยู่กับอีกฝ่าย จนไม่เป็นอันทำอะไร กลายเป็นว่าโลกทั้งใบของฉันมีแต่เขาเท่านั้น เวลาแบบนี้แหละที่ “ความคาดหวัง” จะเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่ างสุดกำลัง

คนที่ “รักเป็น” เขาจะไม่กระวนกระวายกับความเปลี่ยนแปลง แต่คนที่ “รักไม่เป็น” นอกจากจะกระวนกระวายใจแล้ว ยังเป็นทุกข์หนักขึ้น เมื่อไปคาดหวังให้อีกคน “เป็น” อย่ างที่เราอย ากให้เขาเป็น

โดยไม่สนใจว่าก่อนที่จะมาพบเรา เขามีที่มาอย่ างไร ใช้ชีวิตแบบไหน โลกส่วนตัวของเขามีขนาดเท่าไหร่ วันนี้เราเบียดเอาพื้นที่ของโลกใบนั้นมาไว้กับตัวเองมากแค่ไหนแล้วเคยถามกันบ้างไหมว่าควร “เพิ่ม” อะไร หรือ “ลด” อะไรบ้าง เพื่อที่จะรักษาความสมดุลให้คงอยู่ และต่างฝ่ายต่างได้มีความสุขอย่ างแท้จริงโดยไม่เบียดเบียนกัน

แต่การรักใครสักคนแบบเด็กเอาแต่ใจ เป็นความรักที่ฉันคิดว่าน่ากลัว เพราะนอกจากจะเป็นความรักที่สูญเสียความเป็นตัวเองแล้ว ยังเสี่ยงต่อการสูญเสียคนที่รักไปอีกด้วย ฉันเคยถามพี่ชายคนหนึ่งว่า “ถ้าพี่รักผู้หญิงสักคน พี่จะยอมเป็นทุกอย่ าง และยอมทำทุกอย่ างได้เพื่อคนคนนั้นไหม”

เขาตอบว่า “ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่ างสำหรับใครได้หรอก ช่วงเวลาหนึ่งอาจยอมได้ แต่ถึงวันหนึ่งก็กลับไปเป็นตัวเองอยู่ดี” ฉันไม่รู้หรอกว่าคำตอบของพี่ชายคนนี้ถูกหรือผิด

เพราะเรื่องความรักของแต่ละคนมันพูดย าก บางคนยอมได้ บางคนยอมไม่ได้ ก็เหมือนที่โลกนี้มีทั้งเด็กดีและเด็กเอาแต่ใจ ไม่ว่ารูปแบบความรักของใครจะเป็นยังไง แต่ฉันก็ขอให้ทุกคนโชคดีแต่เขาว่ากันว่า ถ้าเราคาดหวังให้น้อยลง ความสุขมันจะเพิ่มขึ้นจริง ๆ นะ

ที่มา : j u n j a o n e w s

Load More Related Articles
Load More By admin01
Load More In ข้อคิด

Check Also

6 วิถีคนเก่งจริง กล้าที่จะเดินเพียงลำพัง

1. เรียนรู้ที่จะเดินเพียงลำพัง นี่สิคือวิถีของคนแกร่ง ห … …