
อย่ากังวลกับลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นพ่อแม่ที่จู้จี้ขี้บ่นลูกมีชะตาชีวิตของเขา ต่อให้เราอยากแก้ไขให้เขา แต่เขาไม่เปลี่ยนอุปนิสัย ช่วยไปก็แก้ไม่ได้อย่ามองลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว เป็นลูกแหง่ ที่พ่อแม่ต้องคอยประคบประหงม
จับจ้องลูกมากไปจะกลายเป็นความขุ่นเคือง เอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้างไม่รู้สักเรื่อง สองเรื่องบ้างก็ได้ ให้เกียรติลูกได้ตัดสินใจอะไรเองบ้างอย่าตัดสินแทนลูก จนลูกตัดสินใจอะไรเองไม่เป็น วันหนึ่งต ายจากลูกไป ลูกจะทำอะไรเองได้ไหม?
ไม่ต้องเอาลูกหลานเป็นลมหายใจ เพราะหากวันหนึ่งพวกเขามีสิ่งอื่นที่น่าสนใจเราจะได้ไม่รู้สึกถูก แ ย่ ง ลมหายใจ จนเหมือนจะขาดใจ หาอะไรทำเองบ้าง จึงจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีค่าเสมอเวลาเจอใครๆ ก็อย่าเอาแต่ระบายทุกข์ เปลี่ยนการระบายทุกข์ เป็นการระบายสี
เขียนบทความ วาดภาพ เรียนกังฟู เรียนร้องเพลง เรียนศิลปะ เพื่อจะได้ไม่ต้องจมอยู่ในทุกข์อย่าเอาแต่อารมณ์เสีย ฝึกหายใจยาวๆ ฝึกชื่นชมคนรอบตัว ฝึกหาข้อดีของคนอื่นฝึกชื่นชมสิ่งที่ลูกหลานทำให้ แม้จะไม่ค่อยได้ดั่งใจสักเท่าไหร่ ดีกว่าตำหนิ ด่าว่า
จนพวกเขาไม่กล้าทำอะไรให้ สุดท้าย จะกลายเป็นน้อยใจ ว่าลูกหลานไม่ดูแลอย่าเอาแต่คิดเล็กคิดน้อย เดาใจลูกหลานว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ต้องดีใจที่ลูกหลานอยู่ด้วย
ไม่เช่นนั้น แม้แต่คนที่กำลังอยู่ด้วยในตอนนี้ วันหนึ่งพวกเขาอาจจำใจเลือกที่จะเดินจากไปเหมือนคนอื่นๆวันหนึ่งเราก็แก่ แต่จงแก่ให้ลูกหลานรู้สึกถึงวาสนา ที่มีพ่อแม่อย่างนี้
ที่มา : นุ ส น ธิ์ บุ ค ส์